|
ตัวรถโดยรวม ดีไซน์ออกมาได้สวยงามลงตัว และแตกต่างไปจากภาพคุ้นเคยของแบรนด์ BMW ที่ทุกคนคุ้นเคย |
|
ชุดโคมไฟหน้าดีไซน์เน้นเส้นสายโค้งมน มีแผ่นพลาสติคสีแดงประกบด้านข้าง นำสายตาให้ลงไปสู่ชุดพลาสติคการ์ดช๊อคอัพด้านล่าง |
|
เบาะนั่งใช้ PVC สองสีหุ้มห่อ ทรงแบนเรียวสอดรับกับพลาสติคท้ายรถ |
|
แฮนเดิ้ลบาร์ทรงกระชับ และสายเบรคหน้าระโยงระยาง เพราะต้องเชื่อมต่อเข้าระบบ ABS. ที่มีอุปกรณ์ควบคุมด้วยไฟฟ้าอยู่ในตัวรถ |
|
ชุดโคมไฟท้ายแบบ LED. และท่อไอเสียขนาดใหญ่ยักษ์ที่วนออกด้านซ้ายของตัวรถ รูปทรงกวนสายตาถูกใจคนชอบของแตกต่าง |
|
เครื่องยนต์ Rotax บล๊อคมหาอึดที่ปรับปรุงใหม่ ไม่มีครีบเพราะระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ แต่ย้ายแผนชาร์ทมาแปะไว้ข้างเครื่องยนต์เพื่อระบายความร้อน |
|
ถ้าเอ่ยถึงรถมอเตอร์ไซค์จากค่าย BMW นักเล่นรถบ้านเรารุ่นเก่าๆย่อมนึกถึงมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เครื่องบ๊อกเซอร์ สองสูบนอนยันส่งเสียง "ฉึ่บฉั่บ" ในเวลาขับขี่ ส่วนนักเล่นรถรุ่นกลางๆซักหน่อยก็คงนึกถึงเครื่องยนต์สูบเรียงตระกูล K ที่สุดแสนทนทาน มหาอึด โดยมีระบบขับเคลื่อนโดยใช้เพลาขับ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำแบรนด์ที่นักเล่นรถทุกคนคุ้นเคย จนหลายคนอาจจะยังคงติดอยู่กับภาพลักษณ์เหล่านั้นอย่างไม่เสื่อมคลาย โดยที่เรารับรู้กันอยู่ว่า ค่าย BMW จะไม่มีไลน์การผลิตเครื่องยนต์ขนาดเล็กด้วยตัวเอง แต่ในช่วงปี 1993 ก็เริ่มหันไปใช้บริการของ Rotax ซึ่งเป็นบริษัทที่ค้นคว้าและผลิตเครื่องยนต์เอนกประสงค์สัญชาติออสเตรีย เพราะการใช้มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์อยู่แล้วมาทำงาน ย่อมส่งผลดีมากกว่าการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ด้วยตัวเอง โดยทำการออกแบบและผลิตเครื่องยนต์ลูกใหม่สำหรับใช้ในรถสายพันธุ์ใหม่ของค่าย BMW ซึ่งก็คือไลน์ของโมเดล F650
แนวความคิดสำหรับการพัฒนาเครื่องยนต์ตระกูล F650 จึงอยู่ในวิธีการทำงานเช่นเดียวกับที่ค่าย Aprilia ที่ใช้เครื่องยนต์ของ Rotax มาเป็นส่วนประกอบในรถของแบรนด์ตัวเอง พูดกันตรงๆก็คือ "การจ้างผลิต" จนสามารถคลอดโมเดลแรกสู่ตลาดในปี 1994 คือ F650 Funduro และ F650 Strada ที่ฉีกแนวทางของภาพลักษณ์เก่าของแบรนด์ BMW ด้วยการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนมาใช้โซ่ รวมไปถึงการใช้เครื่องยนต์สูบเดี่ยวขนาด 652 ซีซี ด้วยการออกแบบตัวรถที่สูงโปร่ง ตอบสนองการใช้งานเอนกประสงค์บนถนนสารพัดลักษณะ และโมเดล F650 ก็ได้รับการปรับโฉมอีกครั้งในปี 2001 โดยวางตลาดรุ่น F650GS มาทดแทนรุ่น F650 Funduro และ F650CS Scarver มาแทนรุ่น F650 Strada ที่ทุกโมเดลในพิกัด 652 ซีซีของค่าย BMW จะเน้นหนักไปที่ลักษณะการใช้งานแตกต่างไปจากโมเดลเดิมๆที่นักเล่นรถทั่วโลกคุ้นเคยกับรถทัวริ่งขนาดใหญ่ เครื่องยนต์นุ่มนวลในก่อนหน้านี้ และจากช่วงเวลาที่ผ่านมานับจากปี 1994 สายพันธุ์ F650 ก็สามารถฉีกตัวเองออกมาเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการตัดสินใจเลือกรถของนักเล่นรถชาวตะวันตกที่มีรูปร่างไม่ใหญ่โต ไม่ต้องการเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ และต้องการขับขี่ไปในพื้นที่ๆรถทัวริ่งปกติไม่สามารถทำได้
และจากเดิมที่ F650GS ที่เคยเป็นโมเดลเล็กสุดของค่าย ตอบโจทย์การใช้งานที่เป็นลักษณะการขับที่ท่องเที่ยวแบบผจญภัยไปในหนทางทุรกันดาร ค่าย BMW จึงมีการพัฒนาไลน์โมเดล G650 ขึ้นมาใหม่ จนถึงเวลาคลอดสู่ตลาดในเดือนตุลาคม ปี 2006 แต่มันไม่ได้หมายความว่าโมเดล G650 จะมาแทนที่ F650 โดยที่โมเดล F650 ก็ยังคงได้รับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่จนคลอดออกมาในปี 2008 นี่เอง ไลน์การผลิตโมเดล X650 ตัวใหม่นี้ถูกวางให้ครอบคลุมรูปลักษณะของรถในสามรูปแบบ ก็คือ G650 Xchallenge มีลักษณะออกไปแนวทางของรถฮาร์ดเอ็นดูโร่ G650 Xmoto มีรูปแบบของรถ Super Motard หรือ Supermoto โดยที่มี G650 Xcountry มีลักษณะออกไปแนวของรถขับขี่เอนกประสงค์ อยู่กึ่งกลางระหว่างลักษณะรถลุยทางขรุขระกันดารของG650 Xchallengeกับลักษณะของรถใช้บนทางเรียบของ G650 Xmoto คำว่า X ที่อยู่ในชื่อรุ่น มีความหมายคือ " Cross " นั่นเอง โดยที่โมเดล G650 ทั้งสามรุ่นได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดบางอย่างบนเครื่องยนต์โดยเน้นไปที่การลดน้ำหนักด้วยวิธีปรับเปลี่ยนไปใช้วัสดุอย่างเช่นแมกนีเซียม และเครื่องยนต์ในตระกูล F650 ของค่าย BMW ที่อยู่ยงคงกระพันในตลาดมากว่าสิบปี ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงบางสิ่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยที่ยังคงเป็นเครื่องยนต์ Rotax แบบกระบอกสูบเดี่ยวที่ออกแบบใหม่ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดความจุ 652 ซีซี บีบกำลังอัดในห้องเผาไหม้ 11.5 : 1 ความกว้างกระบอกสูบ 100 mm. กับช่วงชัก 83 mm. ใช้โซ่ราวลิ้นขับแคมชาร์พคู่ 4 วาล์วต่อสูบ สามารถปั่นแรงม้าออกมาได้ 53 ตัวที่ 7000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิด 44 ปอนด์-ฟุต ที่ 5250 รอบต่อนาที อ่างพักน้ำมันเครื่องที่อยู่ด้านหลังกระบอกสูบ และชุดข้อเหวี่ยงที่มีการแก้ไขทำให้เครื่องยนต์ลดแรงสั่นสะเทือนลง ส่งผลให้มีความนุ่มนวลในการใช้งานมากขึ้น โดยที่ยังคงใช้อัตราทดเกียร์ 5 ระดับเหมือนที่ใช้กับ F650 น้ำหนักของเครื่องยนต์ที่ลดลงไปถึง 4.4 ปอนด์ ส่งผลให้แรงม้าต่อน้ำหนักดีขึ้นอีกพอสมควรจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดที่ทำงานว่องไวตามสายคันเร่งที่คอนโทรลจากมือผู้ขับขี่ ถ่ายกำลังจากเครื่องยนต์ด้วยโซ่ พร้อมชุดเกียร์ 5 ระดับ พร้อมที่จะตะกุยพื้นพาผู้ขับขี่ไปสู่ความหฤหรรษ์ บันเทิงใจในการขับที่ บนรูปแบบของรถที่ต่างไปจากที่เคยสัมผัส
จากเครื่องยนต์ที่เหมือนกันของทั้งสามรุ่น ยังคงมีอีกหลายชิ้นส่วนหลักที่ " เหมือนกัน " นั่นก็คือเฟรมโครงสร้างหลักที่ทำจากเหล็กทรงท่อ ผสมผสานกับอลูมินั่มหล่อขึ้นรูป ซับเฟรมที่เป็นอลูมินั่ม สวิงอาร์มที่เป็นอลูมินั่มหล่อขึ้นรูป รวมไปถึงระบบรองรับน้ำหนัก- ช่วงล่าง ที่ช๊อคอัพหน้าใช้แบบหัวกลับของ Marzocchi ขนาด 45mm. ปรับตั้งได้ทั้งความแข็งและรีบาวนด์ ในขณะที่ช๊อคอัพหลังแบบแก๊ซของ Xcountry และ Xmoto สามารถปรับตั้งพรีโหลดได้ แต่ของ Xchallenge ใช้ช๊อคอัพหลังแบบอากาศเหมือนกับที่ติดตั้งอยู่ในโมเดล HP2 เป็นระบบช๊อคอัพที่เป็นเอกสิทธิ์ของ BMW ที่มีชื่อว่า BMW Motorrad Air Damping System
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกก็มีการออกแบบแตกต่างกันไปกันอย่างชัดเจนทั้งสามรุ่น โดยที่ดีไซน์ของ G650Xmoto ถูกออกแบบมาให้อยู่ในประเภทของรถ Super Motard หรือ Supermoto ซึ่งเป็นลักษณะของมอเตอร์ไซค์ที่มีความสูงของตัวรถด้วยระบบช่วงล่างซึ่งยืดระยะจากความสูงของช๊อคอัพหน้า วางบนเฟรมทรงโปร่ง มีชิ้นส่วนแฟริ่งหรือชุดพลาสติครอบคันน้อยชิ้น ตัวรถผอมบาง องศาความชันของคอที่ค่อนข้างชัน ซึ่งส่งผลให้กลายเป็นรถที่มีความคล่องตัวในการขับขี่บนทางเรียบที่ไม่ต้องก้มจนปวดกระดูกสันหลัง ไม่สามารถปั่นความเร็วสูงสุดในการใช้งานขึ้นไปได้สูงมาก แต่เน้นที่อัตราเร่ง - แรงบิดที่ต้องมีมาให้ใช้ในรอบต้นๆชนิดที่ติดมือ และสิ่งที่แตกต่างอย่างหนึ่งที่ G650Xmoto มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานโรงงานซึ่งแตกต่างไปจากรถในคลาสเดียวกันจากค่ายอื่น หรือรถดัดแปลงค่ายอื่นที่ไม่มีให้ก็คือ ระบบเบรค ABS ควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งสามารถ " ยกเลิก " การทำงานของระบบ ABS. ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส ในยามที่ผู้ขับขี่ต้องการกระตุ้นต่อมสนุกให้สนองความซ่าในการขับขี่
|
|
|
กล่องพักไอระเหยจากเครื่องยนต์ เพื่อลดมลพิษจากเครื่องยนต์ ถูกติดตั้งไว้อย่างเปิดเผยข้างตัวรถ |
ชุดพลาสติคข้างหม้อน้ำ ดีไซน์ทรงโฉบเฉี่ยว ในโทนสี "ดุ" พร้อมโลโก้ใบพัดสีฟ้า และชื่อรุ่นรถ |
การ์ดป้องกันแกนช๊อคอัพแบบหัวกลับด้านหน้าสีแดงสดใส พร้อมชุดเบรคหน้าแบบเดี่ยว แต่ให้คาลิเปอร์แบรนด์ Brembo ประสิทธิภาพเยี่ยม |
|
|
|
กระบอกแกนคอเป็นตำแหน่งของหมายเลขเฟรมแบบตัวเลขดิจิตอล และกล่องสี่เหลี่ยมที่เป็นนั่นคือส่วนหนึ่งของชุดอุปกรณ์ ABS. |
สวิงอาร์มคู่อลูมิเนียมอัลลอยหล่อแบบผิวไม่เรียบ โทนสีเดียวกับชิ้นส่วนอื่นทั้งตัวรถ ซึ่งทำให้ตัวรถโดยรวมแลดู "ดุ" และคาลิเปอร์เบรคหลังสีทองของ Brembo |
ระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่ พร้อมจานสเตอร์ขนาดใหญ่ ต้นเหตุแห่งแรงฉุดแบบดุดันทุกครั้งที่เปิดคันเร่ง |
|
|
|
ช๊อคอัพหลังแบบอัดอากาศแบรนด์ Sachs พร้อมอ๊อฟชั่นปรับตั้งแบบง่ายๆด้วยมือหมุน |
เฟรมรถที่ทำจากเหล็กทรงกล่อง ผสมผสานกับอลูมิเนียมหล่อขึ้นรูปในตำแหน่งจุดยึดเครื่องยนต์ และท่อไอเสียที่วนลอดใต้เฟรมออกทางฝั่งซ้าย |
เบาะนั่งรูปทรงบาดใจ ในแบบสีทูโทน ออกแบบเหลี่ยมมุมสอดรับกับชิ้นส่วนพลาสติคด้านข้างอย่างกลมกลืน |
|