Register LOGIN Forget password ?
:: Special Scoops :: 2008 DUCATI 1098
Guest View : 15,297 / Last update : 24/02/2008
 
Page 1 :: Page 2 :: Page 3 :: Page 4 ::
 
 
 
 
 
 

Gear7 's comment !!!

โดยส่วนตัว.. จริงๆ ค่อนข้างประหม่าพอสมควรเมื่อทราบว่าจะต้องไปสัมผัสกับเจ้า 1098 ใหม่กิ๊กๆจากโรงงานราคาค่าตัวล้านกว่าบาท แว๊บแรกที่ได้ลองขึ้นไปนั่งมันต่างจากความรู้สึกตอนที่ได้มองอยู่นอกอาน ไรดิ้งโพสิชั่นมันเป็นรถแข่งสนามขนานแท้ ไม่ใช่รถสปอร์ตที่จำลองมาจากตัวแข่งเหมือนรถตัวอื่นๆ ตำแหน่งแฮนเดิ้ลค่อนข้างก้มมากๆ เรียกว่าแทบจะอยู่ระดับเดียวกับเบาะนั่ง(ในความรู้สึก เหมือนก้มขับจักรยานเสือหมอบ) เหลือบมาดูที่พักเท้า เปรียบเทียบกับรถสปอร์ตญี่ปุ่นทั่วไปถือว่าสูงมาก เรียกว่าไม่ต้องไปหาพักเท้าแต่งให้เสียเวลา เพราะของเดิมที่ติดรถมานี่เวลาขึ้นไปนั่งเต็มตัวจะรู้สึกเหมือนกับว่าคุณนั่งย่องๆ บนตัวรถเลยทีเดียว

ความสูงของเบาะนั่งเป็นอีกจุดหนึ่งสำหรับคนที่จะขี่ตัวนี้ต้องระวังนิดนึงกับคนตัวเล็ก ผมนั้นสูง 166 ชม หากจะคร่อมให้มั่นใจต้องถ่ายน้ำหนักมายืนเต็มเท้าในเท้าใดเท้าหนึ่ง ถ้ายืนสองเท้าก็จะสัมผัสพื้นได้เพียงแผ่วๆปลายเท้าเท่านั้น มุมมองบนตัวรถแรกๆที่ขึ้นไปนั่งต้องปรับตัว โดยเฉพาะต้องจัดลำตัวช่วงแขนและหัวไหล่ใหม่เนื่องจากต้องก้มตัวมากๆจากแฮนด์ที่ต่ำทำให้มุมเงยของศรีษะขณะขับขี่จะอยู่ในมุมเงยสูงกว่ารถรุ่นอื่นๆ ซึ่งทำให้ผมฟันธงได้ทันที่ว่า มันไม่ใช่รถที่จะเอามาไว้ขี่เที่ยวบนทางหลวงไฮเวย์ที่มีทางตรงยาวๆ เพราะถ้าต้องก้มอยู่ท่านี้ตลอดเวลา เห็นทีจะขี่มันไปได้ไม่เกินรัศมีทำการ 200 กม.เป็นแน่แท้ ....หากจะให้สรุปสั้นๆขอบอกเลยว่า 1098 ตัวนี้เป็น “สปอร์ตสุดขั้ว” ตัวจริงที่สามารถจะหาดููได้บนถนนทีเดียว

ไปดูที่เครื่องยนต์.... ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่ค่อยมีโอกาสได้ขับขี่เครื่อง L-Twin เท่าไหร่นัก ทำให้รอบแรกๆของสนาม BRC ต้องใช้เวลาปรับตัวกันพอสมควรเพื่อพยายามลืมฟิลลิ่งเครื่องยนต์ตัวอื่นๆที่ค้างๆอยู่ในหัวทั้งหมด แล้วใช้สมาธิไปจับอาการจากเครื่องยนต์ L-Twin ของ 1098 เพียงอย่างเดียว

ขี่ไปจนเริ่มคุ้นกับรอบเครื่องและช่วงเกียร์ ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้คือรอบเครื่องของมันไม่ใช่ของเล่นสำหรับมือใหม่แน่นอน ถ้าใครชินกับการกระแทกคันเร่งของพวกสูบเรียงแล้ว เมื่อใดที่คิดว่าเจ๋งพอจะคุมมันได้ บอกได้เลยว่าให้คิดเสียใหม่ หากคุณเผลอเปิดคันเร่งหรือทำอะไรผิดจังหวะ ล้อหน้ามันพร้อมจะกระดกได้ตลอดเวลา แม้แต่ในโค้งที่คุณกำลังไต่อยู่ ซึ่งต่างกับพวกสี่สูบเรียงที่แม้จะแสดงอาการสลิปที่ล้อหลังหรือกระตุกสบัดสบิ๊ง ก็ยังคอนโทรลได้ง่ายกว่า

โค้งในสนาม BRC เนื่องจากสนามสั้นผมเลยเล่นได้แค่ 3 เกียร์ คือโค้งส่วนใหญ่จะใช้แค่เกียร์ 2 มีเกียร์ 3 ไม่กี่โค้ง และขึ้นถึงเกียร์ 4 ได้แค่ช่วงทางตรง เมื่อเดินคันเร่งออกจากโค้งเข้าทางตรงรู้สึกได้ทันทีว่า พละกำลังส่วนนึงของมันมากจากตัวฟลายวิลล์ที่สร้างแรงเฉื่อยตุนไว้ในเครื่องยนต์มหาศาล พอเิปิดคันเร่งเลยแทบไม่มีอาการ lag ของคันเร่ง กำลังของมันพรวดพราดขึ้นมาจนบางทีต้องหยั้งคันเร่งไว้

สำหรับมือใหม่หากต้องการคุมคันเร่งมันให้เชื่องมือ ผมแนะนำใหเริ่มต้นขี่แบบอัพเกียร์เร็วกว่าปกติเล็กน้อยและอย่าลดเกียร์แบบรวบเกียร์ (หรือขี่แบบรอบหลวมๆ)จะทำให้คุณขับขี่มันได้สบายและมั่นใจขึ้น พอเริ่มชินกับมันแล้วก็ค่อยๆไปปรับแต่งส่วนละเอียดตามสไตล์ของคุณเองอีกที

ส่วนที่ประทับใจสำหรับ 1098 คือระบบเบรกและช่วงล่าง มันสะท้อนรายละเอียดของการคอนโทรลกลับมาได้ีดีมาก รายละเอียดเพียงเล็กๆน้อยๆ มัน Reflect กลับขึ้นมาให้เรารู้หมด เช่นเมื่อแตะเบรกเพียงแผ่วๆ คุณก็รู้สึกว่ามันตื่นตัวพร้อมทำงานตามน้ำหนักที่เราให้ไปทำ ช่วยปลุกความมั่นใจอีกอักโขว่า เราคุมมัีนได้แน่ๆ ในช่วงที่คุณได้ขับขี่มันในครั้งแรกๆ ควรพยายามทำความเคยชินกับเบรกของมันก่อน โดยเฉพาะเบรกหน้าของมันพยายามใช้นิ้ว 1 หรือ 2 นิ้วพอแล้ว ส่วนระบบกันสะเืทือนหน้าและหลังแม้ว่าตัวนี้จะไม่ใช่รุ่นท๊อบของโมเดลแต่ ค่าเดิมๆ ที่ปรับมาจากโรงงานถือว่าหนึบมากๆ ไม่ต้องไปคิดเลยว่าจะปรับแต่งเพิ่มเติม

โดยสรุปส่วนตัวผมกับ 1098 ถ้าคุณเป็นมือใหม่มันจะออกแนวดิบและโหด ว่ากันตามตรงมันไม่เหมาะกับคนที่ไม่เคยขี่รถใหญ่มากก่อน และสำหรับคนที่เคยขี่บิ๊กไบค์มาแล้วก็ควรที่จะฟิตร่างกายกับระบบประสาทของคุณไว้ให้ดี หรือหาเวลากลับไปรื้อเบสิคการขับขี่ของคุณใหม่ด้วย เพราะมันเป็นรถดีที่ี่ต้องการคนขี่ที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

 

Rider 11 's comment !!!

Look สำหรับความรู้สึกส่วนตัวของผม แว่บแรกที่ได้เห็นตัวจริงของเจ้า 1098 บอกได้เลยว่ามือไม้สั่น เพราะนี่แหละคือสิ่งที่ผมและแฟนดูคาติมากมายรอคอย ดีไซน์แบบนี้แหละที่เราต้องการ หลังจากที่ดูคาติออกรถสปอร์ตในรุ่น 999 (ต่อจาก 998) ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมแบบ All new ผมก็รู้สึกแย่กับมันขึ้นมาทันที กับดีไซน์ที่มันออกแนวอวกาศมากเกินไปจนรับไม่ทัน เพราะรถสปอร์ตดูคาติในมุมมองของผมคือเฟอรารี่ของมอเตอร์ไซค์ มันต้องเพรียว บาง แบน อย่างเช่นที่มันเป็นอยู่ใน 916, 996 และ 998 (ทั้งสามรุ่นหน้าตาเหมือนกัน) ...และในที่สุด... พวกเค้าก็คิดได้ว่ามันจะต้องกลับมาเป็นอย่างไร ไฟหน้าคู่, เรียว, แบน และเพิ่มความเฉียวด้วยมุมแหลมที่ขอบแต่ละด้าน แฟริ่งดูเรียบง่ายแต่สวยคม ท่อไอเสียคู่ออกตูด สวิงอาร์มแขนเดี่ยวทรงบึกบึนโชว์วงล้อฝั่งขวา นี่แหละดูคาติที่ผมรอคอย...

 
 
 
 

Sound เสียงท่อยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของค่ายนี้ ดุดัน เร้าใจ แม้จะเป็นท่อเดิม (ถึงจะฝั่งดูแหบๆ บ้างก็เหอะ) แต่ถ้าหากได้เปลี่ยนเป็นท่อสูตรเหมือนไหร่หล่ะก็ ...สะแด่วครับพี่น้อง

Riding Position ตำแหน่งท่านั่ง ย้อนกลับไปถึง 999 สปอร์ตเวอร์ชั่นก่อนซึ่งถังน้ำมันค่อนข้างจะบาง,แคบ และยาวมากเกินไปจนรู้สึกว่าจะต้องหนีบถังและหมอบอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งนั่นไม่สนุกเลยถ้าคุณต้องขี่ในสนามซัก 15-20 รอบ หรือเดินทางไกลเกิน 100 กม.) แต่ใน 1098 ความรู้สึกเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ถังน้ำมันที่กว้างขึ้นและสั้นลงทำให้รู้สึกกระชับมากทั้งการขี่ในเมืองและสนาม โดยเฉพาะการขี่ในสนามแข่งเวลาโหนรถเข้าโค้งให้ความรู้สึกกระชับและมั่นคงมากจนอยากจะแบนให้ศอกถูพื้นเลย และถ้าหากจะเทียบกับรถสูบเรียงจะรู้สึกว่าถังน้ำมันแคบกว่าอย่างชัดเจนแต่อาจจะยาวกว่าเล็กน้อยทำให้ระยะเอื้อมมากกว่านิดหน่อย สำหรับผมความสูงอยู่ที่ 170 ซม.พอดิบพอดี เวลายืนไม่สามารถยืนได้เต็มเท้าทั้งสองข้างแต่ก็ไม่เขย่งจนต้องยืนด้วยนิ้วเท้า คาดว่าถ้าผู้ขี่มีความสูงไม่ต่ำกว่า 165 ซม. น่าจะไม่มีปัญหา สำหรับผู้ที่สูงน้อยกว่านั้นก็ใช่ว่าจะขี่ไม่ได้ เพียงแต่ต้องมีเทคนิคในการยืนนิดหน่อย อย่างไรก็ตามเมื่อรถออกตัวและยกเอาเท้าทั้งสองข้างวางบนพักเท้าแล้วจะรู้สึกถึงความกระชับจากระยะห่างของเบาะนั่งกับพักเท้า ที่ทำให้ตำแหน่งของช่วงขาอยู่ในลักษณะเรซซิ่งพร้อมทิ้งโค้งตลอดเวลากันเลยทีเดียว

Handling - กำลังเครื่อง : ถ้าเทียบกับรถสปอร์ตของดูคาติด้วยกันผมว่าเจ้านี้ถือว่าคุมกำลังเครื่องได้ง่ายเพราะความ smooth ของกำลังเครื่อง แต่ถ้าเทียบกับพวกสูบเรียงก็ยังถือว่ามันเป็นม้าที่พยศอยู่ไม่น้อย เนื่องจากกำลังเครื่องที่ให้พลังออกมาตั้งแต่รอบความเร็วต่ำไล่ยาวไปจนถึงปลายเลยทีเดียว ถ้าใครยังไม่คุ้นกับนิสัยของเครื่องยนต์ดูคาติขอแนะนำว่า ให้ใช้เวลาในการทำความคุ้นเคยกับอัตราเร่งและเอนจิ้นเบรกให้มากเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง ฟังดูค่อนข้างอันตรายแต่นี่แหละความเร้าใจของรถสปอร์ต

ความคล่องตัว แน่นอนว่าด้วยรูปทรงเพียวบาง และโครงสร้างของ Trellis Frame รวมไปถึงองศาคอที่ชันในรูปแบบของรถสปอร์ต ทำให้มันมีความคล่องตัวสูงมาก สามารถพลิกพริ้วได้อย่างรวดเร็วว่องไว โดยเฉพาะในสนามแข่ง มันทำให้ผู้ขี่รู้สึกว่ากล้าพลิกรถใกล้ๆโค้ง รวมถึงความรู้สึกในช่วงที่รถไต่โค้งเพื่อเข้าหา Griping Point หรือ Apex ซึ่งมันนิ่งและให้ความมั่นใจมาก ทำให้รู้สึกว่าการเอียงรถ (Lean) ไม่ใช่เรื่องที่ยากและน่ากลัวแต่อย่างใด (แต่ห้ามนึกถึงราคารถและค่าซ่อมนะ) มันชวนให้อยากเอียงรถลงไปอีก...ลงไปอีก...ลงไปอีก และพร้อมที่จะเปิดคันเร่งได้ทุกเมื่อ ซึ่งถ้าหากคุณยังมีประสบกาณ์ในสนามไม่เพียงพอ หรือยังไม่รู้ลิมิตในการเข้าโค้งของตัวเอง โปรดท่องไว้ในใจตลอดการขี่ว่า "อย่าวู่วาม..."

ระบบกันสะเทือน : เนื่องจากตัวที่เราเทสต์นี้เป็นเวอร์ชั่นสแตนดาร์ด ซึ่งใช้โช้คของ Showa จึงให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่า มันเหมาะกับการขี่ในเมืองและสนามที่ไม่เรียบอย่าง BRC ซึ่งมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมเพราะสามารถดูดซับแรงสะท้อนจากพื้นแทรคที่มีหลุม+bump ได้อย่างไปประทับใจ และยังคงความสามารถในการรับแรงเค้นเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงในมุมเอียงรถมากๆ ได้ดี อีกจุดหนึ่งที่ต้องยกความดีให้คือยางติดรถ Pirelli Dragon Super Corsa Pro ที่ทำงานประสานกับโช้คหลังอย่างน่าประทับใจ ขนาดที่ว่าสามารถเปิดคันเร่งได้ตั้งแต่กลางโค้งกันเลยทีเดียว แต่ถ้าเราจะเอาไปซัดกันในโค้งที่ความเร็วสูงๆ อย่าง พีระเซอร์กิต ผมว่าตัวเวอร์ชั่น S ที่ได้อ๊อพชั่นเป็นโช้คหน้า-หลัง และกันสะบัดโอลินห์จะอุ่นใจกว่า

ระบบเบรก : Brembo Monoblock ระบบเบรกที่ถือว่า "สุด" จริงๆ เพราะประสิทธิภาพการเบรกที่สูงมาก แค่ปลายนิ้วๆเดียวก็เพียงพอที่จะหยุดความเร็วที่ส่งมาเต็มๆ ได้อย่างใจต้องการ มันดีมากจนบางครั้งผมว่า "ดีเกินไป" สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นกับมัน เพราะขนาดผมเองยังเกือบกระเด็นตกรถตอนขี่มันครั้งแรก "แม่เจ้าโว้ย!! เบรกเหรอเนี่ย นึกว่าวิ่งชนกำแพง..."

Other (เนื่องจากผมได้มีโอกาสใช้งานทั้งในเมืองและในสนามอยู่ช่วงหนึ่งจึงได้เก็บข้อมูลเล็กๆน้อยๆ ไว้บ้าง) อัตราการกินน้ำมันของเจ้า 1098 นี้ ซึ่งอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 12.8 กม./ลิตร อันนี้ต้องบอกก่อนว่าตัวเลขนี้ได้จากค่าเฉลี่ยของการขี่ในสนามและการขี่ในเมือง ส่วนความร้อนสะสมในขณะขี่ในเมือง ประมาณ 100 - 104 องศา

  Trip1 (Track) Trip2 (City) Trip3 (Track & City)
Range (km.) 107.2 128.5 119.3
Fuel (liter) 11.34 14.04 13.20
  Average Consumption = 12.86 Km./Liter

 

สรุปโดยรวม ประทับใจโคตรๆ กับเจ้า 1098 คันนี้ เพราะหน้าตาที่กลับมาหล่อเหล่าสไตล์ดูคาติอีกครั้ง และความมันส์ในการขี่สไตล์เรซซิ่งได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งช่วงแรกอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวบ้างแต่เมื่อไหร่ที่คุ้นกับมันหล่ะก็มันส์พะยะค่ะ!! ถ้าคุณกำลังหารถที่ใช้เดินทางท่องเที่ยว ขี่สบาย นุ่มนวลชวนฝัน.... ตัดชื่อมันออกจากลิสต์ไปเป็นรายแรกเลย ถ้าคุณกำลังหารถใช้ในเมือง ในชีวิตประจำวัน.... จงเตรียมทนกับความร้อนสะสมตอนรถติด และความเมื่อยขณะขี่ความเร็วต่ำ ถ้าคุณกำลังหารถไว้เล่นโค้งหรือขี่ในแทรค.... มันควรเป็นตัวเลือกแรกๆ ที่อยู่ในลิสต์เลยหล่ะ


Page 1 :: Page 2 :: Page 3 :: Page 4

 
Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com