First Ride : BMW C600Sport บนยอดดอยที่สูงที่สุดของเมืองไทย |
ภาพลักษณ์ในผลิตภัณฑ์ยานยนต์สองล้อจากค่าย BMW ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทุกคนจะนึกถึงแต่มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ๆ เพียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ทันสมัยที่สุด บนโครงสร้างของตัวรถที่แข็งแรง งานดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เครื่องยนต์ที่ทรงพลังอัดแน่นด้วยม้าเยอรมันร่างกายกำยำ โดยที่ผลิตภัณฑ์แทบทั้งหมดของค่ายจะเน้นหนักตอบสนองการใช้งานเดินทางท่องเที่ยว โดยมี K1600GTL เป็นพี่เบิ้มบนไฮเวย์ มี R1200RT ให้ความนุ่มสบายในตำแหน่งพี่รอง มี R1200GS/SGA ไว้ตอบโจทย์นักผจญภัยทางไกล และ S1000RR ให้ตอบใจขาซิ่งในเซอร์กิต แต่ยังไม่มีโมเดลไหนของค่ายที่ตอบสนองการใช้งานง่ายๆ สำหรับการใช้งานประจำวันท่ามกลางการจราจรติดขัดในเมือง หรือชีวิตประจำวันที่ต้องการยานพาหนะขนาดกระทัดรัด ใช้งานได้คล่องแคล่ว ด้วยการดูแลรักษาที่สุดง่ายสบายสมอง ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในช่วงปี 2000 ซึ่งทางค่าย BMW เคยนำเสนอโมเดล C1 ซึ่งเป็นสกู๊ตเตอร์สำหรับใช้งานในเมืองมาแล้วครั้งนึง แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ สายพันธุ์สกู๊ตเตอร์ของค่ายนี้จึงเงียบหายไปกับกาลเวลา
|
banana time: 2013-03-04 01:53:48
|
แจ้งลบกระทู้ |
ความเห็นที่ #1 |
ทีมวิศวกรของค่าย BMW จึงระดมพลังสมองครั้งใหญ่ เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในส่วนนี้ให้ได้ จนในที่สุด BMW C600Sport จึงได้ฤกษ์งามยามดีที่จะทำคลอดผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ออกสู่สายตาประชาชนเมื่อช่วงปลายปี 2554 ที่ผ่านมา และมีตัวรถจริงส่งมายั่วสิงห์นักบิดผู้มีใบพัดสีฟ้าอยู่ในหัวใจได้ยลโฉมในงานบางกอกมอเตอร์โชว์เมื่อช่วงเดือนมีนาคม 2555 ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์ยอดสั่งจองถล่มทลาย ทั้งๆที่ยังไม่มีใครซักคนได้มีโอกาสได้ทดลองขับขี่ หรือแม้แต่ได้ฟังเสียงเครื่องยนต์จริงๆ จนกระทั่งในช่วงปลายปี 2555 ตัวรถล๊อตแรกได้ถูกส่งตรงมาจากโรงงานที่เบอร์ลินสู่เมืองไทย และ C600Sport คันแรกที่ถูกแกะกล่อง จึงได้มีโอกาสลงสู่พื้นถนนของเมืองไทยจริงๆเสียที ซึ่งโอกาสที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ของรถโมเดลใหม่ของค่ายนี้ เป็นครั้งแรก และคันแรกของเมืองไทยต้องขอขอบคุณ BMW Thailand และทาง BKK Motorcycle co.,ltd. มอบรถเดโมใหม่สดกิ๊กจากลังไม้สนเยอรมันมาให้เราทดลองขับขี่ ซึ่งโจทย์ในการขับขี่ครั้งนี้มีอยู่สองเรื่อง หนึ่งก็คือการทดลองขับขี่ในสภาพการจราจรอันเป็นจราจลของเมืองกรุง และสองก็คือการขับขี่บนเส้นทางภูเขาสูงชัน ซึ่งถือเป็นการบ้านที่ทุกค่ายรถที่มีรถบิ๊กสกูตเตอร์ออกมาจำหน่ายยังคงตอบใจผู้ใช้ในเรื่องเบรคร้อนจนเดือดได้ไม่กระจ่าง และเราก็เลือกดอยอินทนนท์ เป็นสนามทดสอบในครั้งนี้ |
banana
2013-03-04 01:54:43
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #2 |
ก่อนจะถึงอรถรสในการขับขี่จริงๆ เราคงต้องมาเรียนรู้รายละเอียดบนตัวรถกันเสียก่อน เพราะจากที่เกริ่นไปในช่วงแรกว่า C600Sport ถือว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่ของค่าย ฉะนั้นทุกอย่างบนตัวรถจึงถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ตอบสนองวัตถุประสงค์การใช้งานของรถประเภทนี้ ซึ่งก็คือเน้นการใช้งานในเมืองเป็นหลัก สามารถออกไปโฉบเฉี่ยวนอกเมืองในวันหยุดได้เป็นครั้งคราว บรรทุกสัมภาระได้มากจำนวนหนึ่งโดยไม่เลอะเทอะเปียกปอน และเจ้า BMW C600Sport คันนี้จะมีอะไรบ้างที่น่าสนใจ เราลองมาดูกัน |
banana
2013-03-04 01:55:27
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #3 |
ดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอก ถูกออกแบบมาให้ดูโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียวด้วยรูปทรงชิ้นส่วนบนตัวรถซึ่งคลุมโทนด้วยสีฟ้าด้าน ตัดกับสีเทา/ดำ มองดูปราดเปรียวแบบสุขุม เส้นสายของชิ้นส่วนมีสันเหลี่ยม ช่วยเพิ่มมุมมองบนตัวรถให้กระฉับกระเฉงในเวลาที่มีแสงตกกระทบ และมีเงาไล่โทนบนชิ้นส่วนสีฟ้าแลดูสบายตา โดดเด่นด้วยโลโก้ใบพัดสีฟ้าในตำแหน่งที่สะกดทุกสายตาที่พบเห็น |
banana
2013-03-04 01:56:23
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #4 |
รูปทรงดุๆ จากโทนสีดำและฟ้าแบบสีด้าน สะกดสายตาทุกคนที่เดินผ่านให้เหลียวหลังกลับมามองอีกครั้ง |
banana
2013-03-04 02:27:12
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #5 |
ชุดเรือนไมล์ยังคงใช้มาตรวัดความเร็วแบบเข็ม แต่ทุกสิ่งอย่างอื่นจะแสดงผลบนหน้าปัทม์ดิจิตอล ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานมาให้ครอบคลุมมากทีเดียว
แถบสีดำด้านซ้ายของจอ ก็คือแสดงระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ส่วนแถบด้านขวาก็คือมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ และโปรดจำไว้ให้ดี ว่าถ้าแถบสีดำวัดรอบแตะ 3000 ขึ้นไปเมื่อไหร่ ม้าเยอรมันขาใหญ่ๆ จะเริ่มตะกุยคอกให้ระเบิด พร้อมกระโจนปลดปล่อยพลังลงถนนอย่างเมามันส์
สิ่งที่ขัดใจอย่างมากในรถรุ่นนี้ก็คือเรื่องระบบการปรับแผ่นบังลมด้านหน้านี่แหละ ที่ใช้ระบบมือหมุนคลายลูกบิดสามแฉกที่อยู่ด้านข้างเรือนไมล์ ซึ่งเท่าที่ลองดู ค่อนข้างเงอะงะ ง่อนแง่นพอสมควร |
banana
2013-03-04 02:25:22
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #6 |
เครื่องยนต์ขนาดกระทัดรัดถูกวางไว้ในตำแหน่งใต้เบาะผู้ขับขี่ ซึ่งทำให้รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ส่งผลในการควบคุมรถนำหนัก 249 กก.ให้ "ง่ายมาก" พร้อมระบบส่งกำลัง CVT. นุ่มนวลชวนขี่ให้น้ำมันหมดถังเอาได้ง่ายๆ
ช๊อคอัพหลังระยะยุบ 115 มม. ถูกติดตั้งในแนวนอน โดยรับแรงกระแทกจากชุดสวิงอาร์ม ซึ่งประสิทธิภาพในการขับขี่ในเมืองถือว่าเยี่ยม แต่ถ้าจะหวดเอาสนุกในโค้งพับชันๆ จะต้องปรับตั้งกันอีกนิดหน่อยจากค่ามาตรฐานโรงงาน |
banana
2013-03-04 04:00:45
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #7 |
ฟลอร์บอร์ดหรือแผ่นรองเท้าผู้ขับขี่ ผลิตจากพลาสติคผิวด้าน เพิ่มความกระชับในจังหวะขับขี่ด้วยแผ่นอลูมิเนียมเสริมพลาสติคในตำแหน่งการวางเท้าที่สำคัญต่อการควบคุมรถทั้งแบบงอขาและยืดขา
ระบบเบรคหน้าแบบจานคู่ พร้อมระบบ ABS. เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งมีประสิทธิภาพการหยุดความแรงของม้าเยอรมันได้ดีเยี่ยม |
banana
2013-03-04 02:15:19
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #8 |
ทางวิศวกรตั้งใจจะออกแบบมาให้รถรุ่นนี้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพราะมีทั้งแคตตาไลติคคอนเวอร์เตอร์ที่ซ่อนอยู่ใต้ท้องรถ และปลายท่อใส้วนรูปทรงแปลกตา ให้สุ้มเสียงแตกพร่าพอประมาณ ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับ Euro-4
การออกแบบชุดล้อหลังให้สามารถรื้อล้อขนาด 15 นิ้วออกมาได้ง่าย เพียงแค่คลายเข็มขัดรัดปลายท่อ และโบลท์ยึดล้อ แค่นั้นเอง |
banana
2013-03-04 03:59:18
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #9 |
ไฟท้าย LED. ขนาดกระทัดรัดแต่ให้ความสว่างชัดเจนแม้เวลากลางวัน ติดตั้งอยู่ใต้โลโก้ใบพัดฟ้าขาวอันเป็นเอกลักษณ์ พร้อมบาร์จับสำหรับผู้ซ้อนท้าย |
banana
2013-03-04 02:07:34
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #10 |
ระบบความปลอดภัยของตัวรถที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดการทำงานของเครื่องยนต์ในทันทีที่ขาตั้งข้างถูกเตะลง รวมไปถึงไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ถ้าขาตั้งข้างยังกางอยู่ และช่องสัมภาระใต้เบาะซึ่งใหญ่โตโอ่โถง สามารถเพิ่มปริมาตรการบรรจุหมวกกันน๊อคได้ถึงสองใบถ้าขึ้นขาตั้งคู่ แล้วปลดล๊อคช่องสัมภาระสำรองส่วนหลังให้ยืดออก และทาง BMW ยังคงรอบคอบเสมอในเรื่องระบบความปลอดภัยส่วนนี้ โดยจะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ถ้าช่องสัมภาระสำรองนี้ยังคงเปิดใช้งานอยู่ ซึ่งมันจะไปส่งผลเรื่องความปลอดภัยกับตัวรถและการขับขี่ ที่เจ้าช่องสัมภาระนี้จะไปเกะกะการทำงานของล้อหลังนั่นเอง
เสริมความสบายใจสำหรับนักบิดสูงวัยที่หูตาฝ้าฟางในการค้นหาสิ่งของในช่องเก็บอันโอ่โถงนี้ยามคำคืนด้วยสวิทช์ไฟส่องสว่างภายในช่องสัมภาระนี้ นับเป็นอีกหนึ่งรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ที่ BMW ไม่ยอมละเลย
|
banana
2013-03-04 02:05:45
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #11 |
เรารับเจ้า BMW C600SPort ออกจากโชว์รูม BKK Motorcycle co.,ltd. กันในช่วงเที่ยงของวันพฤหัสบดี เพื่อทดลองขับขี่ฝ่าการจราจรอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองกรุงเทพ ซึ่งสัมผัสแรกที่ลองคร่อมลงบนตัวรถ ทดลองหาท่านั่งที่เหมาะสม รวมไปถึงการทำความเข้าใจกับระบบทุกอย่างบนตัวรถ และเมื่อทุกอย่างเข้าใจ จนพร้อมสรรพ ก็ได้เวลากดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ให้คำรามแผ่วๆ โทนเสียงเครื่องยนต์ที่ถูกออกแบบมาให้ทรงพลังเพียงพอต่อการใช้งานที่ไม่น้อยหน้าคู่แข่งออกโทนเสียงแตกพร่าผ่านปลายท่อไอเสียที่โดดเด่นในเรื่องการควบคุมค่าไอเสียให้ออกมาในระดับต่ำ ทดลองทำความคุ้นเคยกับอัตราเร่งและจังหวะการถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์ไปสู่ล้อหลัง ซึ่งอาศัยชุดคลัทช์แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ เพราะระบบส่งกำลังแบบนี้จะแตกต่างจากระบบปกติที่เราคุ้นเคยจากรถที่ใช้โซ่ เพลา ที่ถ่ายกำลังจากชุดเพลาข้อเหวี่ยงโดยตรง และการใช้งานในเมืองที่จำเป็นต้องใช้จังหวะการควบคุมกำลังรถที่ตอบสนองฉับไวในทุกนาทีที่พลิกรถไปในดงรถติด BMW C600Sport สามารถทำได้อย่างสะดวก เพราะองศาเลี้ยวรถที่กระชับอันเกิดจากหน้ากว้างยางขนาดกำลังดีรัดบนล้อขนาด 15 นิ้ว มิติขององศาคอที่ตอบรับกันอย่างสมดุลย์สามารถทำให้ไหลลื่นไปในทุกสภาพการจราจรด้วยความสนุกจากกำลังรถที่มีให้ใช้แบบเต็มมือ ไม่หนืดจนอืด หรือแรงเกินไปจนล้นไลน์เลี้ยวรถ
ระบบช่วงล่างที่ติดรถมาก็ให้ความนุ่มสบายในระดับหนึ่ง จังหวะยืดหรือยุบตัวรับอุปสรรคบนพื้นถนนในเมืองในหลากหลายรูปแบบยังไม่ส่งผลสะท้อนมาถึงสมรรถนะในการควบคุมรถ ส่วนระบบเบรค ABS. ที่เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดรถมา และอย่างที่รู้กันว่ารถบิ๊กสกู๊ตเตอร์จะย้ายตำแหน่งแป้นควบคุมเบรคหลังไปไว้ที่ก้านบีบมือซ้าย ซึ่งในช่วงแรกของการขับขี่เราจำเป็นต้องทำความคุ้นเคยให้ดี จึงจะสามารถควบคุมสมรรถนะการเบรคเพื่อชะลอหรือหยุดรถได้อย่างใจนึก และเมื่อทุกอย่างคุ้นเคยกับประสาทสัมผัสจนแน่นสนิท ความสนุกในการขับขี่ C600Sport จึงทำให้เวลาของผมในการขับขี่ในเมืองสะสมไปถึงสองชั่วโมงเลยทีเดียว |
banana
2013-03-04 04:10:10
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #12 |
สมรภูมิที่สองที่เราจะทดลองกันก็คือ เส้นทางที่เป็นภูเขาสูงชัน คดเคี้ยว ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็ไม่ค่อยตรงประเด็นของการออกแบบเจ้า C600Sport ซักเท่าไหร่ เพราะถ้าจะให้ตรงเป้าจริงๆ ก็คงเป็นเจ้าบิ๊กสกู๊ตเตอร์รุ่นพี่ค่ายเดียวกันที่คลอดออกมาพร้อมกัน นั่นก็คือ C650GT แต่เนื่องจากเราอยู่ในเมืองไทย โอกาสที่รถหนึ่งคันจะต้องแบกภาระใช้งานเอนกประสงค์ในหลายๆหน้าที่ใช้งานมักเกิดขึ้นได้เสมอ เราจึงยก C600Sport ขึ้นรถบรรทุกสู่จังหวัดเชียงใหม่ในวันต่อมา เพื่อเตรียมทดลองกันให้หายคาใจ ว่าอาการหลักที่คนขี่บิ๊กสกูตเตอร์ขับขี่ท่องเที่ยวในเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขาสูงมักประสบก็คือ อาการคอนโทรลไลน์การขับขี่ได้ลำบาก อันเนื่องมาจากเอนจิ้นเบรคน้อย มิติรถช่วงยาวแต่ต่ำทำให้ครูดพื้น ส่งผลให้ใช้เบรคหนักเพื่อแก้อาการล้นไลน์จากจังหวะถ่ายกำลังที่ไม่ตอบสนองมือจนเบรคเดือด และทำให้หลายคนแหยงหรือเลิกขับขี่รถบิ๊กสกูตเตอร์ไปเลย
และเมื่อไปถึงเชียงใหม่...เราก็ต้องขี่ไปลองมุดการจราจรที่หนาแน่นของย่านการค้ากาดหลวง หรือตลาดวโรรสสิครับ |
banana
2013-03-04 03:00:53
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #13 |
โฉบเฉี่ยวไปมาในเขตคูเมืองเชียงใหม่หลายรอบ และทุกครั้งที่จอดรถ เจ้า BMW C600 Sport คันนี้ก็ได้รับความสนใจจากผู้คน เดินเข้ามาถาม มาทัก จนผมต้องทายกลับเรื่องรุ่นรถ เพราะทุกคนสนใจแต่โลโก้ใบพัดสีฟ้าขาวข้างตัวรถที่รูปทรงแปลกตา โดยเฉพาะฝรั่งต่างชาติหลายคนที่เดินเข้ามาถามว่า BMW มีผลิตรถรูปแบบนี้ด้วยหรือ
การขับขี่ในเมือง...ผ่านฉลุย ประสิทธิภาพดีเยี่ยม มีของแถมเป็นความสนใจจากคนรอบข้างเต็มช่องสัมภาระ |
banana
2013-03-04 03:04:36
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #16 |
เช้าตรู่วันถัดไป ก็ได้เวลาสำหรับพาเจ้า BMW C600 Sport ออกไปสูดโอโซนบนยอดดอยที่สูงที่สุดของเมืองไทยกัน
โค้งไฮสปีดช่วงถนนคันคลองชลประทาน หางดง - สันป่าตอง เป็นอีกหนึ่งสถานีทดสอบระบบช่วงล่างของรถ บนพื้นถนนที่มีความยึดเกาะสูง สามารถหวดไล่แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ให้เลือดไปตกที่ปลายเท้าได้อย่างสนุก หนึบหนับ |
banana
2013-03-04 03:09:32
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #17 |
คนซ้อนนั่งสบาย (โปรดอย่าลืมคนซ้อนนะครับ เพราะเค้ามีส่วนในการตัดสินใจให้คุณจ่ายเงิน) แถมสัมภาระที่พกพาไปด้วยก็ปลอดภัยอยู่ใต้เบาะนั่ง
เครื่องยนต์ขนาด 647 ซีซี ปั่นม้าเยอรมันขาอวบๆออกมา 60 ตัวที่ 7500 รอบต่อนาที กับแรงบิด 66 นิวตันเมตรที่ 6000 รอบต่อนาที ส่งกำลังฉับไวด้วยระบบ Continuously Variable Transmission หรือ CVT.
อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 7.1 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 175 กม./ชม.
สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องความแรง กลับอยู่ที่ความประหยัดครับ
ถ้าหวดความเร็วเฉลี่ย 90 กม./ชม. ในระทาง 100 กม. จะใช้น้ำมันไป 4.5 ลิตร ซึ่งความจุถังน้ำมัน 16 ลิตร จะสามารถได้ระยะทางถึง 350 กม.เลยทีเดียว |
banana
2013-03-04 04:08:17
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #18 |
จังหวะการคอนโทรลรถบิ๊กสกู๊ตเตอร์จะแตกต่างจากรถทั่วไปที่มีถังน้ำมัน โดยจะมีเรื่องสเต็ปในการวางเท้าเข้ามามีผลต่อการควบคุมรถทั้งในจังหวะกระชากคันเร่ง การเบรค และการเลี้ยว ซึ่งบิ๊กสกู๊ตเตอร์ จะใช้ "เข่า" ในการบังคับเลี้ยวครับ |
banana
2013-03-04 03:13:37
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #19 |
ถนนช่วงเลยด่านที่สอง ที่เป็นทางแยกเลี้ยวลงไปอำเภอแม่แจ่ม เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่ท้าทายสมรรถนะของบิ๊กสกู๊ตเตอร์ได้เป็นอย่างดี เพราะถนนมีความกว้างไม่มาก สองข้างทางเป็นต้นไม้ใหญ่ บนพื้นถนนก็เปียกชื้นในทุกฤดู เพราะอยู่ในแนวช่องเขาที่ซึมซับความเย็นอันชุ่มฉ่ำของสายหมอก มันจึงเป็นทางโค้งแคบๆ ชันๆ ลื่นๆ ซึ่งจะสะกดสมาธิของเราในการควบคุมรถให้ถ้วนถี่ที่สุด ทั้งเรื่องจังหวะคันเร่งที่ต้อง "อม" รอบเครื่องประคองชุดคลัทช์แรงเหวี่ยงให้พร้อมส่งกำลังในทันทีที่ถึงจุดเปิดคันเร่ง ซึ่งจะส่งผลต่อสมรรถนะของระบบเบรคที่ต้องสมดุลย์กันในทุกจังหวะ เพราะถ้าพลาด ก็คือเบรคเดือด หรือไม่ก็กลิ้งตกข้างทาง
สถานีนี้ BMW C600 Sport ผ่านฉลุยแบบสนุกๆ |
banana
2013-03-04 03:20:16
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #20 |
หลายคนอาจจะไม่คุ้นตา และหลายคนอาจจะลังเล ว่าถ้ามันเป็นโฉมแรกของสายพันธุ์ ซึ่งถ้าว่ากันไปตามตรงอย่างที่คนใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยานยนต์รู้กันดีก็คือ "ถ้าเป็นตัวแรก อย่าเพิ่งยุ่งกับมัน"
ซึ่งผมกลับให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นมากกว่า เพราะถ้าว่ากันตามตรงกับมาตรฐานเยอรมัน ซึ่งแบรนด์ BMW มีความแข็งแกร่งในเรื่องผลิตภัณฑ์มาอย่างยาวนาน ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นที่ปล่อยถึงมือผู้บริโภคย่อมมีการทดสอบอย่างถ้วนถี่ แต่มันก็ยังเป็นการทดสอบบนตัวแปรที่ "จำลอง" การใช้งานจริง โดยรวบรัดเรื่องเวลาและสภาพแวดล้อมซึ่งไม่หลากหลาย ฉะนั้นค่าความผิดพลาดจึงยังคงมีอยู่อย่างแน่นอน
ปัจจัยที่ผมมอง ก็คือระบบการให้บริการ หรือการแก้ไขปัญหา ซึ่งค่าย BMW ในเมืองไทย มีศูนย์บริการที่ครบวงจร มีเครื่องมือตามมาตรฐานโรงงานเยอรมัน มีช่างที่ได้รับการอบรมตามข้อกำหนดของเยอรมัน ซึ่งสิ่งนี้เองจะเป็นจุดได้เปรียบในการเข้าถึงและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงประเด็น
|
banana
2013-03-04 03:37:13
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #21 |
ในช่วงที่ลงจากยอดดอยอินทนนท์ มันคือช่วงเวลาที่ผมได้ลองแก้ปัญหาหลักที่คนขี่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ทุกคนปวดหัวมาตลอด นั่นก็คือปัญหา "เปิดแล้วล้นไลน์ เบรคไม่อยู่ "
บิ๊กสกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่จะมีช่วงฐานล้อยาว เครื่องยนต์ถูกวางในตำแหน่งเกือบกึ่งกลางตัวรถ และต่ำเตี้ยจนกลายเป็นข้อดีในการควบคุมสมดุลย์การเลี้ยวจากจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ แต่จะมีปัญหาจากการควบคุมคันเร่งในจังหวะเปิดคันเร่งซึ่งจะมีจังหวะ "รอ" ให้ชุดคลัทช์แรงเหวี่ยงจับส่งกำลังจากเครื่องยนต์ลงระบบขับเคลื่อน ซึ่งในขณะที่ขี่ทางโค้งลงเขาชันๆ หลายคนจะไปมุ่งใช้เบรคในการควบคุมความเร็ว จนหลายครั้งที่มันกลายเป็นความเครียดทั้งผู้ขับขี่เองและตัวรถ
วิธีแก้ปัญหาที่ถูกประเด็นก็คือ การรู้จักเลี้ยว หรือรู้จักไลน์ในการเลี้ยว จังหวะคอนโทรลรถเข้าสู่ทางโค้งว่าต้องเข้าตำแหน่งไหน เอียงรถจังหวะไหน เปิดคันเร่งเมื่อไหร่ โดยทุกอย่างต้องสมดุลย์กับท่าทางในการขับขี่ ในการวางตำแหน่งเท้าบนฟลอร์บอร์ด การขับขี่ลงเขาทางชันถึงจะปลอดภัยและสนุก รวมถึง "แทบจะไม่ต้องใช้เบรคเลย"
หลายคนยังคงมีแนวความคิดจินตนาการ "กางขา เอาเข่าใกล้พื้น" ซึ่งถ้าเป็นรถที่มีถังน้ำมัน คุณยังมีขาด้านนอกโค้งที่แปะประคองติดตัวรถอยู่ แต่กับบิ๊กสกู๊ตเตอร์ซึ่งมีแต่พื้นที่ว่างในตำแหน่งถังน้ำมันรถทั่วไป มันจะทำให้ผู้ขับขี่เสียการทรงตัวทั้งในจังหวะเบรค หรือจังหวะสะเทือนจากพื้นถนน สิ่งเดียวที่นอกเหนือจากก้นและมือที่สัมผัสตัวรถ ก็คือเท้า ซึ่งเราจำเป็นต้องเรียนรู้ตำแหน่งการวางเท้าที่ถูกต้อง เพื่อช่วยในการควบคุมสมดุลย์ของรถในทุกสภาพการขับขี่ ทั้งจังหวะการงอขาเข่าตั้งฉาก และจังหวะยืดขายื่นไปยันฟลอร์บอร์ดด้านหน้า
ถ้ารู้วิธีควบคุมมันให้ถูกต้อง ทางลงดอยอินทนนท์ ก็สนุกได้เช่นกัน
|
banana
2013-03-04 05:55:52
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #22 |
ณ.ลานจอดรถสูงที่สุดของเมืองไทย
BMW C600 Sport เป็นอีกอรรถรสหนึ่งของยนตรกรรมจากค่ายใบพัดฟ้าขาว ซึ่งก่อนการรับรถคันนี้มาทดลองขี่ ผมเองก็ยังกังวลในเรื่องสมรรถนะทุกๆเรื่องของมัน ด้วยเพราะมันเป็นโฉมใหม่หมดทุกอย่างของค่าย แต่ภายหลังจากที่ได้ลองขี่ทั้งในเมืองกรุงเทพรถติดๆ เมืองเชียงใหม่สบายๆ และทะยานขึ้น-ลงดอยอินทนนท์แบบสนุก จนความกังวลเหล่านั้นหมดสิ้นไป กลับกลายมาเป็นความกังวลข้อใหม่ ที่อาจจะต้องเม้มเงินค่าอาหารแมวที่บ้าน มาส่งเสีย BMW C600 Sport ไว้ขี่โฉบฉายในเมือง หรือขี่กินลมชมวิวแบบสบายๆไม่ไกลบ้านซักคัน
แล้วกับตัวเลือกที่มีอยู่ในตลาด ซึ่งในปัจจุบันก็มีรายเดียวคือ TMax จากค่าย Yamaha ที่มีพิกัดเครื่องยนต์ คือ 530 ซีซี และราคาถูกกว่าเจ้าตัวนี้อยู่ห้าหมื่นบาท ส่วนของค่ายปีกนกซึ่งมี Integra ซึ่งมีรูปทรงใกล้เคียงกัน แต่ทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกัน รวมถึงราคาที่ต่ำว่าหกหมื่นห้าพันบาท
BMW C600 Sport เฉือนคู่แข่งในประเด็นความคุ้มค่าของราคาเมื่อพิจารณาจากอุปกรณ์และเทคโนโลยีบนตัวรถ ขนาดเครื่องยนต์ ราคาขายต่อที่อึดทนนาน ศูนย์บริการที่ช่างช่ำชอง และเหนืออื่นใดที่เป็นประเด็นหลักในการตัดสินใจของผู้ซื้อชาวไทย ก็คือ "แบรนด์เยอรมัน" นี่แหละ
ขอขอบพระคุณ - มล. กมลชาติ ประวิตร ผู้บริหาร BMW Thailand Co.,Ltd. ที่ช่วยประสานงานในการนำ BMW C600 Sport คันแรกของเมืองไทยคันนี้มาให้ผมได้ทดลอง - คุณบุญชัย เสลี่ยงรังษี ผู้บริหาร BKK Motocycle Co.Ltd. สำหรับรถเดโมใหม่สดกิ๊กคันนี้ - สามหนุ่มช่างภาพจากคณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คุณวงศกร ยี่ดวง คุณอดุลยฤทธิ์ สุคำวัง คุณกรพันธุ์ สินธุ์วนินทเลิศ สำหรับภาพสวยๆทั้งหมดชุดนี้
สวัสดีครับ
|
banana
2013-03-04 06:13:51
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #26 |
เป็นรถที่ขี่แล้วเท่ห์มากครับ อัตตราเ่ร่งพุ่งแรงตอบสนองดีเยี่ยม
เบรคหนึบสุดยอดมาก แต่ระดับกระจกมองข้าง มันจะพอดีกับรถ ปิ๊คอัพ รุ่นใหม่ๆ
ซึ่งถ้าจะซอกแซกในเมืองตอนรถติดต้องระวังนิดนึง
**
- ปัญหาที่ผมเจอเลยอย่างแรกคือ รถออกมา สองอาทิตย์แรก วิ่ง 300 โล
เบาดับ ไม่ว่าจะเป็นตอนเครื่องร้อน หรือ เครื่องเย็น มันก็เบาดับได้ตลอด
สอบถามปัญหานี้กับเพื่อนๆก็เจอเหมือนกันหมด
- ปัญหาที่สองคือ น้ำมันเครื่องขาด ขี่ไปไำด้ประมาณ 500 โลขึ้นเครื่องหมายเตือนให้เช็คออย
เลยเปิดตูตอนรถจอดทิ้งไว้้ข้ามคืน พบว่าน้ำมันเครื่องเหลือ min คือขีดสุดท้ายพอดีเป๊ะ
ซึ่งปัญหานี้สอบถามเพื่อนแล้วเจอกันทุกคัน
- ปัญหาที่สามคือ อุปกรณ์ที่ให้มากับรถ ไม่ครบ เช่นยางรัดของติดกับใต้เบาะ 2 เส้น
อาจจะดูเหมือนว่าสิ่งของปกติ แต่มันสำคัญและจำเป็นมาก ในการเก็บถุงเครื่องมือและเอกสาร
|
Asurada
2013-03-06 10:03:29
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #27 |
ผมใช้ C650GT อยู่ครับ รถยังมีปํญหาเรื่องเครื่องยนต์เบาดับอยู่ครับ รับรถมาได้ 30 วัน เข้าศูนย์ ไปไม่น้อยกว่า 10 ครั้งแล้วครับ รถผมยังแก้ไม่จบเลย ปัจจุบันจอดอยู่ BRACELONA วิภาวดี อีกหนึง อาทิตย์ ครับ สอบถามปัญหาต่างกับผมได้ครับ โทรมาได้ครับ 080-266-6499 |
niwa_c650gt
2013-03-06 09:26:40
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #28 |
สงสัยต้องมี recall แน่ๆครับ อาการเบาดับถ้าขี่ในสภาพรถติดจะเกิดบ่อยมากๆ ครับ แต่ถ้าต่างจังหวัด ก็นานๆเป็นทีครับ
|
mig
2013-03-07 17:04:57
|
แจ้งลบความเห็น |
ความเห็นที่ #29 |
ตอนนี้รถผมได้แก้ไขเรื่องเบาดับไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ผ่านมา 400 กม.ยังไม่มีอาการเบาดับอีกเลย |
niwa_c650gt
2013-03-14 15:34:13
|
แจ้งลบความเห็น |
|