Register LOGIN Forget password ?
Webboard :: Travel :: 00010103
PAGE 1 OF 3
GO TO PAGE
อธิปไตยของคนไท...ที่ดอยไตแลง # 1
ช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา เกิดปะเหมาะเคราะห์เดินทาง ....หนูดาวมีคิวต้องไปทำงานในพื้นที่แห่งหนึ่ง...

พื้นที่นี้ ไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรไทย แต่เป็นดินแดนที่มีคนชาติพันธุ์ "ไท" ซึ่งในอดีตเคยเป็นดินแดนที่ใกล้ชิดกับเมืองไทยของเราอย่างแนบแน่น

หมายเหตุ : ภาพในทริปนี้ บางภาพอาจดูหดหู่ ใครไม่ชอบแนวนี้ ก็ขอให้ข้ามไป ...แต่ถ้าจะมองอีกแง่หนึ่ง ผมอยากแบ่งความรู้สึกจากการที่ได้เข้าไปอยู่ในพื้นที่จริง มีโอกาสสัมผัสและนั่งจับเข่าคุยกับบุคคลเหล่านั้น กลุ่มบุคคลที่มาอยู่รวมกันในพื้นที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการพยายามรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยเหนือดินแดน และสิทธิความเป็นมนุษย์ที่อยู่ในโลกใบเดียวกับเรา

โดยปกติพื้นที่นี้ ไม่ใช่พื้นที่สำหรับการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปจะสามารถเดินทางเข้าออกได้อย่างสะดวก ซึ่งการเข้าออกพื้นที่จะต้องผ่านหลายขั้นตอนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และต้องรับรู้ก่อนการเดินทางว่า ทันทีที่เท้าคุณก้าวข้ามพรมแดนไทยในพื้นที่นี้ ไม่มีใครรับผิดชอบอะไรให้คุณได้ เอกสิทธิ์ความเป็นคนไทยที่หลายคนในเมืองไทยกำลังเรียกร้องอย่างวุ่นวายในบ้านเมืองเราขณะนี้จะขาดผึงลงทันที


สรุปง่ายๆก็คือ ไม่ใช่พื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวครับ


(ภาพนี้ถ่ายตอนประมาณ 06.00 น....ข้ามภูเขาลูกข้างหน้านั่นไป ก็เป็นแผ่นดินไทยแล้วครับ)
Share |
banana    time: 2009-11-03 14:49:38   แจ้งลบกระทู้

ความเห็นที่ #1
การเดินทางหนนี้ไม่เหมือนการเดินทางขึ้นภาคเหนือในทุกๆครั้งที่ผ่านมาของผม โดยครั้งนี้ต้องทนนั่งหลังแข็งในรถทัวร์ไปลงที่แม่สอด เพื่อเปลี่ยนพาหนะเป็นรถยนต์ 4WD. เพื่อเดินทางต่อสู่แนวชายแดน

โค้งชุดนี้ ...หลายคนคงจำได้ ว่าอยู่ตรงไหนของเมืองไทย
banana  2009-11-03 03:05:28      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #2
กว่าจะถึงพื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นหมู่บ้านสุดท้ายของฝั่งไทย ก็ปาเข้าไปมืดค่ำ

ถนนหนทางในป่า...มีหลากหลายรูปแบบให้ฝึกกลั้นหายใจเป็นระยะๆครับ
banana  2009-11-03 03:07:59      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #3
จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะข้ามแดนกันในเย็นวันนี้ แต่ปรากฏว่ากว่าจะถึงหมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ประชิดพรมแดนก็แทบไม่มีแสงตะวัน

คืนนั้นเลยต้องอาศัยบ้านของชาวบ้านละแวกนั้นพักผ่อนกันก่อน รุ่งเช้าค่อยว่ากันอีกที
banana  2009-11-03 03:11:53      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #4
รีบตื่นนอนแต่เช้าตรู่ เพราะนัดพลขับซึ่งเป็นคนในท้องที่ให้มารับตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า

สาเหตุที่ไม่เสี่ยงขับขึ้นไปเอง ก็เพราะหนทางต่อจากหมู่บ้านนี้จนถึงเป้าหมายของเราเป็นทางบนภูเขา ตั้งอาศัยมือขับที่รู้เหลี่ยม รู้ไลน์ร่องน้ำซึ่งทำให้ปลอดภัยเรื่องรถอาจไหลลงไปในหุบเหว
banana  2009-11-03 05:06:18      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #5
ขนย้ายสัมภาระใส่รถของน้องที่เอามารับ ...

น้องเค้าแวะเอาอุปกรณ์สองชิ้นนี้ขึ้นมาด้วย นั่นก็คือกระสอบใส่โซ่สำหรับพันล้อ และจอบสำหรับเอาไว้ขุดดินถมร่องถนน ป้องกันเหตุการณ์กินข้าวลิงกลางป่า

ดูร่องรอยจากคมจอบ ก้พอจะเดาได้ไม่ยาก ว่าน้องคนนี้ มืออาชีพจริงๆ เพราะเล่นซะใบจอบกร่อน และบิดเพราะสับหิน
banana  2009-11-03 05:09:34      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #6
เมื่อทุกอย่างพร้อม ก็ได้ฤกษ์ออกจากหมุ่บ้าน หันหน้ารถเข้าสู่ภูเขาสูงชันที่เป็นพรมแดนตามธรรมชาติ

แค่โค้งแรก ก็ทำเอาต้องเริ่มต้นกลั้นหายใจ เพราะเป็นทางคอนกรีตเทไว้พอดีล้อรถยนต์ แนวระนาบสะบัดหนีแนวราบของพื้นโลก ดิ่งขึ้นภูเขา
banana  2009-11-03 05:12:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #7
ดินแดงๆ หนุบหนับ เพราะสายฝนปลายฤดู
banana  2009-11-03 05:13:23      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #8
กระดื๊บไปเรื่อยๆ ด้วยความชำนาญของมือขับที่วิ่งขึ้น-ลงเส้นนี้เป็นประจำ จนมาถึงประมาณครึ่งทาง เป็นพื้นที่ราบเล็กๆบนสันเขาฝั่งไทย สำหรับให้เฮลิคอปเตอร์ทหารส่งยุทธปัจจัย

ทะเลหมอกหลังแนวเขานั่นก็คือหมู่บ้านที่เรานอนเมื่อคืนที่ผ่านมา
banana  2009-11-03 05:15:33      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #9
ปั่นกันไปเรื่อยๆ
banana  2009-11-03 05:16:29      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #10
banana  2009-11-03 03:15:35      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #11
ช่วงที่รถผ่านบางช่วงที่พอจะเป็นแนวระนาบ ก็ยังพอจะละมือไปกดชัตเตอร์ได้บ้าง

เขียวชอุ่มชุ่มชื้นไปทั้งป่าครับ ทั้งกล้วยไม้และเฟิร์นอัดแน่นรอบลำต้นไม้ใหญ่ๆ
banana  2009-11-03 05:20:13      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #12
เรื่อยๆ ถึงเหนื่อยก็ห้ามหยุด เพราะไม่งั้นรถจะถอยหลังไหลลงเหว
banana  2009-11-03 05:21:57      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #13
ถ้าล้อหลุดจากขอบปูนกรอบๆนั่นไป ก็เตรียมตัวตะแคงไหลลงเหวครับ
banana  2009-11-03 05:25:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #14
banana  2009-11-03 03:18:21      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #15
ไต่ขึ้นสู่ยอดเนินเฮือกสุดท้าย ก่อนข้ามพรมแดนที่ยอดของสันเนินข้างหน้านั่นแหละครับ
banana  2009-11-03 05:26:27      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #16
อาคารด้านซ้ายมือของภาพคือความอุ่นใจของเรา เพราะเป็นฐานที่มั่นของทหารไทย ซึ่งเข้มงวดในการปกป้องรักษาอธิปไตยของแผ่นดินไทยอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง

ส่วนขวามือคือร้านค้าของชำในแผ่นดิน "ไต" หรือรัฐฉาน นั่นเอง
banana  2009-11-03 05:29:19      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #17
ถนนสายหลักกลางหมู่บ้านซึ่งพาดผ่านกลางสันเขา
banana  2009-11-03 05:39:27      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #18
แวะเก็บสัมภาระไว้ที่พักซึ่งเป็นบ้านของเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านหนึ่งของพื้นที่นี้ ก่อนจะโขยกเขยก 4WD. ต่อไปยังโรงเรียนเป้าหมาย ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยอีกลูกนึง...

หลายคนคงสงสัยว่าคนเผ่าพันธุ์"ไท" ในพื้นที่นี้คือใคร เกี่ยวพันกับคน "ไทย" อย่างเราๆท่านๆแค่ไหน

...........................................

พื้นที่นี้คือพื้นที่ของชนชาว"ไทใหญ่" หรือ "ฉาน" หรือ "ไต" ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติพันธุ์ "ไท" ที่ตั้งรกรากอยู่ในพื้นที่แถบนี้มาช้านาน ถ้าจะกล่าวกันให้ทั้งหมด ว่ามีเผ่าพันธุ์ไหนบ้าง เยอะแยะมากมายครับ อาทิเช่น ไทลื้อ ไทเขิน ไทขืน ไทแหลง ไทคัม ไทเหนือ รวมไปถึงไทยสยาม ซึ่งในอดีตก็คือเผ่าที่แยกกันดำรงชีวิตกระจัดกระจายในพื้นที่นี้ โดยที่ไทยสยามเป็นเผ่าที่มีความเป็นปึกแผ่นและมั่นคงของพื้นที่มากที่สุด ในขณะที่ไทใหญ่ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "ไตโหลง" ก็มีอาณาจักรเป็นของตนเองอยู่ในพื้นที่รัฐฉาน ประเทศพม่าปัจจุบัน

แต่เดิมก่อนสมัยล่าอาณานิคมของฝรั่งหัวขวด ไทใหญ่หรือรัฐฉานเป็นอาณาจักรใหญ่ มีอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดนตนเอง โดยมีการแบ่งการปกครองออกเป็นหัวเมืองเล็กๆ ถึง 33 เมือง โดยมีกษัตริย์ปกครองหัวเมืองเหล่านั้น ครั้นพอบักสีดาตาน้ำข้าว (อังกฤษ) สะเออะคืบคลานเข้าครอบครองอินเดีย และขยายความละโมภเข้ามาถึงพม่า (แต่เดิม รัฐฉานไม่ได้ขึ้นกับพม่า)จัดการโค่นล้มระบบกษัตริย์ของพม่า จนพระเจ้าธีบอโดนเนรเทศไปอยู่อินเดีย แล้วเข้ายึดครองประกาศให้พม่าเป็นรัฐอาณานิคม แค่ฉานเป็นรัฐในอารักขา จัดการทรัพยากรณ์ธรรมชาติที่มีอยู่อย่างมากมายด้วยการกดเหงคนในพื้นที่...

กลุ่มคนในพื้นที่เหล่านี้ซึ่งประกอบด้วยหลายเผ่า จึงรวมตัวกันเรียกร้องเอกราชจากอังกฤษจนสำเร็จ โดยมีนายพลอองซานเป็นผู้นำ โดยมีการร่างสัญญาฉบับหนึ่งขึ้นมาระหว่างผู้นำชนเผ่าต่างๆที่อยู่ในพื้นที่ร่วมกัน ใจความสำคัญข้อหนึ่งก็คือ สิบปีจากนี้ไปแต่ละเผ่าสามารถแยกตัวออกไปเป็นประเทศของตนเอง....

เคราะห์ซ้ำ กรรมซัด เกิดมีการปฏิวัติอีกรอบโดยนายพลเนวิน สัญญาฉบับนั้นเป็นอันว่าถูกทรยศจากเผ่าพม่าซึ่งมีอำนาจมาที่สุดในขณะนั้น ฉาน หรือแผ่นดินไทใหญ่จึงต้องตกอยู่ภายใต้การประกาศกรรมสิทธิ์เหนือดินแดนของเผ่าพม่า

ในขณะที่ยังมีชาวไทใหญ่ส่วนหนึ่งที่ยังคงหวงแหนอธิปไตยเหนือดินแดนของตน หยิบอาวุธขึ้นมาต่อสู้กับรัฐบาลพม่าที่เข้มแข็งหว่า จนต้องถอยร่นหาชัยภูมิที่ปลอดภัยเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตนเองไว้ นำโดยเจ้ายอดศึก จนได้ชัยภูมิแห่งนี้เป็นฐานที่มัน ก็คือดอยไตแลง ซึ่งเป็นยอดเขาสูงชัน ด้านหลังติดพรมแดนประเทศไทย ด้านหน้ามีทิวเขาบริวารรายรอบเหมือนปราการธรรมชาติ และเป็นฐานที่มั่นแห่งเดียวที่ทหารรัฐบาลพม่าในปัจจุบันไม่สามารถย่างกรายมาถึง

ดอยไตแลงจึงเป็นเสมือนพื้นที่ๆปลอดจากอิทธิพลของทหารพม่า รวมถึงเป็นฐานกำลังในการออกไปสู้รบของบรรดาหน่วยหน้าชาวไทใหญ่ที่ซุ่มซ่อนอยู่ในภูมิประเทศรอบๆละแวกนี้

จากการนั่งคุยกับเจ้าของพื้นที่ ทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ ต่างก็ยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า พื้นที่นี้คือพื้นที่อธิปไตยของชาวไต ไม่ใช่พื้นที่พม่า แต่เป็นพื้นที่ "ไทใหญ่" และไม่ได้ทำสงครามกับพม่า แต่เป็นการปกป้องดินแดนที่เป็นสิทธิ์ของชาวไทใหญ่โดยชอบธรรม ซึ่งโดนพม่ายึดครองโดยไม่ชอบธรรม
banana  2009-11-03 06:49:05      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #19
ภาพที่เลือกมาลงในครั้งนี้ ผมพยายามคัดรูปที่ไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงเหนือดินแดนของเค้ามาลง เพราะตลอดเวลาสามวันที่อยู่ที่นั่น ผมมีโอกาสเดินตะลุยขึ้นเขา ลงเขาจนน่องปูด

ถ้าถามว่าเคยเห็นสนามกีฬาของโรงเรียนไหนสวยที่สุด ...ก็คงต้องตอบว่าที่นี่ เพราะสามารถเตะฟุตบอลอยู่บนทะลหมอกแทบทั้งปี แต่ถ้าใครเผลอเตะบอลตกเขาไป ก็ตัวใครตัวเผือกล่ะครับ
banana  2009-11-03 06:21:50      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #20
อาคารของโรงเรียนที่เห็น ได้รับเงินสนับสนุนจากองค์กรการกุศลของพวกฝรั่ง จ่ายค่าวัสดุที่ต้องบอกว่าแพงเป็นพิเศษ เพราะต้องขนใส่รถปีนขึ้นมาจากฝั่งไทย ทั้งอิฐบล๊อค ปูน เหล็ก

แล้วน้องๆเหล่านี้เค้าแบกไม้กระดานไปทำอะไรกัน
banana  2009-11-03 06:24:55      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #21
เป้าหมายของน้องๆที่แบกไม้กระดานข้ามแนวสันเขามาก็คือโรงนอน หรือที่น้องๆเค้าเรียกว่า "บ้าน"นี่แหละครับ บางคนก็แบกไม้ บางคนก็ช่วยกันขุดร่องให้น้ำไหลออกรอบอาคาร ไม่ให้ไหลเจิ่งนองเข้าไปภายใน

น้องๆเหล่านี้ เป็นผลพวงมาจากการสู้รบ การปล้น หรืออาจเรียกได้ว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" ของทหารพม่าที่กรีฑาทัพเข้าพื้นที่รัฐฉาน ถ้าใครขัดขืน ไม่ยอมทำตามคำสั่ง ผลที่ได้รับก็คือการฆ่า ข่มขืน เผาหมู่บ้านทิ้ง น้องๆเหล่านี้หลบหนีออกมาจากพื้นที่เหล่านั้นได้ เดินทางรอนแรมในป่ามาจนถึงพื้นที่ดอยไตแลง ซึ่งเป็นพื้นที่ๆเค้าอุ่นใจ ว่าพม่าไม่สามารถเข้ามาข่มเหงได้

เท่าที่นั่งคุยกับหลายๆคน ส่วนใหญ่ พ่อ-แม่ เสียชีวิตหมดแล้ว !!!
banana  2009-11-03 06:55:09      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #22
โรงนอนแยกเป็นสองฝั่ง โดยตั้งอยู่คนละฝั่งของไหล่เขาที่มียอดเป็นตัวโรงเรียน ฝั่งหนึ่งหญิง ฝั่งนึงชาย

บรรดาน้องๆผู้ชายที่มีสถานะเดียวกัน ก็มาช่วยน้องผู้หญิงซ่อมแซมอาคาร ด้วยเครื่องมือเท่าที่หาได้
banana  2009-11-03 06:57:34      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #23
ไม้ที่เอามาทำ ก็คือไม้ที่ตัดจากป่าในพื้นที่ โดยเท่าที่คุยกับฝ่ายที่ดูแลเรื่องความมั่นคง เค้าจำเป็นต้องตัด เพราะไม่สามารถหาวัสดุอื่นได้ แต่มีข้อบังคับชัดเจนว่า ห้ามตัดไม้ที่อยู่ในเขตป่าต้นน้ำ

ไม้สดๆ ตัดแล้วแปรรูปมาประกอบเลย มันก็เลยกระดำกระด่างจากเชื้อราที่มากับความชื้นบนยอดเขา
banana  2009-11-03 07:01:15      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #24
คนละไม้ คนละมือ
banana  2009-11-03 07:02:09      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #25
แม้แต่เด็กตัวน้อยๆ ก้ต้องช่วยกัน เพราะต้องอยู่ร่วมกัน
banana  2009-11-03 07:02:45      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #26
บนยอดเนินที่เห็นอยู่ด้านหลัง คือว่าที่โรงพยาบาล ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่...
banana  2009-11-03 07:03:33      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #27
น้องคนนี้พิการ ขาเสีย... แต่ก็ต้องช่วยกัน

ผมคุยกับน้องๆหลายคน ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อรู้ว่าเรามาอย่างมิตร แต่น้องคนนี้ เหมือนเธอมีอะไรในใจ สามวันที่ผมอยู่ที่นั่น ไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเธอเลยซักครั้ง
banana  2009-11-03 07:06:12      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #28
ขอเข้าไปเยี่ยมชมภายในอาคารที่กำลังซ่อมผนังเพื่อป้องกันลมหนาวที่กำลังจะมาถึง ก็มีสภาพอย่างที่เห็น...

banana  2009-11-03 07:07:39      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #29
banana  2009-11-03 04:39:11      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #30
banana  2009-11-03 04:39:56      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #31
ห้องครัว ...

ส่วนหนึ่งกำลังช่วยกันทำอาหาร
banana  2009-11-03 07:08:53      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #32
ไม่มีเตาแก๊ส ไม่มีไมโครเวฟ แต่ใช้ฟืนล้วนๆ
banana  2009-11-03 07:09:57      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #33
banana  2009-11-03 04:46:02      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #34
เด็กโตทำอาหารจริง แต่บรรดาเด็กน้อยๆ หลังหายเหนื่อยจากการแบกไม้กระดาน ก้มาเล่นทำอาหารอยู่หลังอาคาร
banana  2009-11-03 07:11:23      แจ้งลบความเห็น

ความเห็นที่ #35
จินตนาการ คือสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราเอาชนะข้อจำกัดและอุปสรรคไปได้
banana  2009-11-03 07:13:10      แจ้งลบความเห็น

PAGE 1 OF 3
GO TO PAGE

Privacy & Policy Statements Advertisement About StormClub.com Contact Stormclub.com