สัมผัสที่ได้จากการขับขี่ ….
ความเห็นความรู้สึกของ Co-Riders กับ BMW K1200GT |
RGEAR 7
|
RIDER 11
|
ด้วยความที่ตัวผมเล็กสูง 166 น้ำหนักแค่ 53 กก.
และโดยปกติผมก็ไม่ชอบรถที่มีน้ำหนักมากๆ ก่อนจะรู้จักเจ้า K1200GT ครั้งแรกก็รู้สึกหวั่นใจเหมือนกันเพราะขนาดอันใหญ่โตมโหระทึกของมันดูน่าเกรงขามไม่ใช่เล่น แต่พอขึ้นไปนั่งบนรถสตาร์ทเครื่อง อุ่นเครื่องนิดหน่อยระหว่างนั้นก็มองไปรอบๆตัว เรือนไมล์ สวิชต์อุปกรณ์ต่างๆ บนแฮนด์ซึ่งต้องใช้เวลาเรือนรู้มันอยู่พักใหญ่ๆ เพราะความที่ปกติเราคุ้นแต่กับรถญี่ปุ่น... เสียงเครื่องยนต์นุ่มนวลเงียบเรียบร้อย แต่อาจจะต้องเงี่ยหูฟังความไพเราะเสนาะโสตเพราะท่อไอเสียชุดนี้เก็บเสียงของมันได้เกือบมิด เข้าเกียร์ 1 ออกตัวไปด้วยความระวังว่ามันจะกระโชกโฮกฮากเหมือนรถญี่ปุ่น แต่เปล่าครับ มันลอยลำออกไปเหมือนรถยนต์ก็ไม่ปาน ลองโยกย้ายสายตะโพกปรับตัวให้เข้ากับมิติรถอีกครั้งก่อนจะ ทยอยเล่นโค้งบนเขา ซึ่งต้องยอมรับมันจริงๆ สมกับเป็นแกรนด์ทัวเรอร์ที่ใครๆ ต้องพูดถึง เพราะแม้ตัวผมจะเล็ก แต่ความที่รถมีการบาลานซ์น้ำหนักได้เยี่ยมยอด ทำให้การพามันสาดเข้าโค้งทำได้เบาไม้เบามือ ผมว่าความรู้สึกนั้นพริ้วกว่ารถขนาด 1000 ซีซีจากค่ายปลาดิบหลายๆรุ่นด้วยซ้ำ สำหรับคนตัวเล็กความกังวลเรื่องน้ำหนักกับมิติอันใหญ่โตของมันตัดทิ้งไปได้ครับ...แค่คุณมีแรงพอที่จะตั้งรถให้ตรงได้คุณจะรู้สึกทันทีว่ามันเป็นมิตรกับคุณ
การเข้าโค้งความรู้สึกต่างไปกับรถรุ่นอื่น
ด้่วยเส้นทางการทดสอบคราวนี้เป็นโค้งขึ้นเขาลงเขา ทำให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นตัวตนจริงๆของมันได้ค่อนข้างเต็มที่ สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ คือปกติจะมีลมปะทะตัวให้ต้องเกร็งคอบ้างแต่กับเจ้า K1200GT ตัวนี้ไม่มี ทำให้เรารู้สึกว่าขับช้ากว่าปกติแต่พอเหลือบมองวัดความเร็ว... ไอ้หญ๋า.... ชักเร็วไปแล้ว กำลังเครื่องยนต์ดีเยี่ยมทางโค้งบนเขาแทบจะไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ ใช้วิธีเปิดปิดคันเร่งเอา ช่วงเกียร์ที่กว้างให้กำลังต่อเนื่องคุณแทบไม่ต้องมานั่งพะวงกับเกียร์จนลืมชมความงามของทิวทัศน์สองข้างทาง…. ยิ่งพอคุ้นกับมันแล้วคุณจะแทบไม่อยากเลิกขี่
บทสรุปส่วนตัวผม ต้องขอก้มคาราวะมัน 1 ดอก และบอกได้เลยว่า ถ้าคุณมีเงินอยู่ในกระเป๋าแล้วตั้งใจจะเก็บไว้เฉยๆ ก็อย่าเพลอไปลองสัมผัสมันเข้า.... รับประกันว่าคุณต้องเปลี่ยนแผนการเงินแน่นอน ฮา ฮา ฮา.....
|
[รออัพเดท]
|
ขับขี่สบาย ไปได้ทุกถนนหลวง
ตลอดการเดินทาง K1200GT สามารถตอบสนองการใช้คันเร่งแบบดุดันในยามที่ต้องชาร์จตัวออกจากท้ายแถวคันสุดท้าย ต่อเนื่องไปจนถึงหัวขบวนเดินทางที่มีระยะทางไม่น้อยได้ในเวลาไม่นาน อัตราเร่งของเครื่องยนต์ลูกนี้ให้ความรู้สึกที่ทรงพลัง รอบเครื่องยนต์และความเร็วไต่ขึ้นไปด้วยความนุ่มนวลไม่กระโชกโฮกฮากเหมือนรถค่ายปลาดิบ ระบบเบรค ABS ทำงานร่วมกับระบบช่วงล่างอัจฉริยะได้อย่างราบรื่น ในตอนแรกที่ยังไม่คุ้นเคยกับการสาดเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ก็ยังเกรงๆกับยางหลังที่ติดมาเป็นแบบ touring ซึ่งจากประสบการรืที่เคยใช้ยางรุ่นนี้มา รู้ๆกันอยู่ว่ามันต้องวอร์มยางให้อุ่นซักระยะหนึ่งก่อน ถึงจะเริ่มซัดได้ แต่ระบบช่วงล่วงที่คอยคอนโทรลอาการของตัวรถได้แสดงประสิทธิภาพออกมาอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะพยายามเบรคให้หนัก กระแทกคันเร่งสร้างความเครียดให้ระบบช่วงล่าง แต่ความลงตัวของการออกแบบช่วงล่างสามารถขจัดอาการชวนขนหัวลุกให้หายไปอย่างไม่น่าเชื่อ บางช่วงของเส้นทางที่เป็นทางขึ้นเขาคดเคี้ยว แรงบิดขนาด 96 ปอนด์/ฟุต สามารถพารถน้ำหนักรวมบรรทุก ร่วมๆ 400 กิโลทะยานขึ้นไปได้อย่างไม่ยากเย็นในรอบการทำงานที่ไม่สูงมาก บางช่วงทางตรงโล่งๆ ทดลองกดคันเร่งแบบกระชาก ปลดปล่อยม้าจำนวน 152 ตัวสัญชาติเยอรมันที่ซ่อนอยู่ให้ออกมาขยับแข้งขยับขา จนรู้สึกได้ถึงแรงดึงอย่างชัดเจน ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะท่านั่งที่ไม่ได้หมอบฝืนแรงกระชาก ซึ่งถ้าเทียบความรู้สึกที่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งค่ายญี่ปุ่นที่สูสีกันอย่าง FJR1300 ที่เคยลองขี่มาก่อนหน้านี้ เจ้า K1200GT จะให้ความรู้สึกที่ดีกว่าในเรื่องความนุ่มนวลของการไต่ความเร็ว ความไหลลื่นของชุดเกียร์ที่มีอัตราทดกระชับกำลังพอดี รวมไปถึงฟีลลิ่งการตัดต่อกำลังผ่านชุดเพลาท้ายที่ K1200GT ให้ความเงียบและนุ่มนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางช่วงที่ถนนมีสภาพเปียกแฉะจากสายฝน ลองเปิดคันเร่งฝืนความรู้สึกตัวเอง มันก็ยังให้ความรู้สึกที่ปลอดภัยจากอัตราเสี่ยงต่อการลื่นไถลของล้อทั้งสอง วันที่สองของทริป ได้มีโอกาสนำ K1200GT ออกมาทดลองวิ่งในสภาพถนนแห้ง ไม่มีคนซ้อน ไม่มีสัมภาระบรรทุก แต่ยังคงติดตั้งกระเป๋าข้างไว้เช่นเดิม สภาพถนนที่ทดลองขับขี่เป็นทางโค้งคดเคี้ยวในภูเขา ต่างระดับขึ้นลงตามสภาพภูมิประเทศ โดยทดลองปรับโหมดระบบช่วงล่างไว้ที่ Sport แล้วทดลองขี่ด้วยรูปแบบของการเค้นสมรรถนะการยึดเกาะ ประสิทธิภาพการเบรค ปรับไลน์การขี่จำลองการเกิดอุปสรรคบนถนน เจ้า K1200GT สามารถผ่านไปได้อย่างน่าทึ่ง มีข้อตินิดหน่อยอยู่ตรงที่ บางจังหวะที่ยกคันเร่งให้สุดแล้วเปิดขึ้นไปใหม่แบบฉับพลัน การตอบสนองของเครื่องยนต์ยังมีอาการชะงักอยู่เสี้ยววินาที แต่ก็ไม่โหดร้ายเหมือนการคอนโทรลรอบของเครื่อง Boxer ที่เคยลองขี่มาก่อนหน้านี้
ระบบช่วงล่างอันยอดเยี่ยม
และระบบเบรคสุดมหัศจรรย์ที่สุดในโลกแห่งรถทัวริ่ง เครื่องยนต์ทรงพลังกำลังพอดี แฝงไว้ด้วยแรงบิดอันเหลือเฟือสำหรับถนนแห่งการเดินทางท่องเที่ยวเมืองไทย มันคือคำนิยามของผมที่มีให้ต่อเจ้ารถรุ่นนี้ครับ เพราะจากประสบการณ์การขับขี่รถซูเปอร์ไบค์ในสนาม และท่องเที่ยวมาตลอด 14ปี บนรถสารพัดรุ่น ยังไม่สามารถตอบโจทย์เรื่องรถที่เหมาะที่สุดสำหรับการขับขี่แบบทัวริ่งบนถนนหลวงในระยะทางไกลๆ เกินกว่าวันละ 700 กิโลเมตรได้ แต่ K1200GT ให้คำตอบนี้กับผมได้อย่างน่าสนใจ และคงไม่รีรอถ้าซักวันหนึ่งสถานะเราพร้อมที่จะต้องเลือกรถซักคันไว้สำหรับพาคนรู้ใจไปเดินทางแสวงหาความสุขในการขับขี่ด้วยกัน
คันโต เครื่องใหญ่ น้ำหนักมากมาย แล้วมันประหยัดแค่ไหน
เนื่องจากในทริปนี้ K1200GT คันที่ผมใช้เดินทางต้องรับบทวิ่งขึ้น-ลงดูแลขบวน ฉะนั้นจึงไม่สามารถนำอัตราสิ้นเปลืองที่เกิดขึ้นกับรถที่ผมขี่มาใช้อ้างอิงได้ แต่ในทริปนี้มี K1200GT อีกหนึ่งคันซึ่งเพิ่งซื้อมาได้ไม่นาน เดินทางมาร่วมทริปด้วยกัน คือรถของนายเน็ท ที่ออกเดินทางมาจากนครศรีธรรมราช เราจึงได้ข้อมูลที่นายเน็ทบันทึกไว้มาใช้อ้างอิงได้พอสมควร โดยความเร็วเฉลี่ยที่นายเน็ทใช้ อยู่ที่ 110 กม/ชม ในระยะทาง 100 กิโลเมตร หมดน้ำมันไป 5.30 ลิตร คิดออกมาเป็นอัตราเฉลี่ย 18.87 กม/ลิตร ถ้าดูจากปริมาตรความจุของถังน้ำมันเชื้อเพลิงซึ่งจุได้ถึง 28.64 ลิตร แสดงว่า มันสามารถวิ่งได้ถึง 540 กิโลเมตรโดยไม่ต้องหยุดพักเติมน้ำมัน รถไปไหว แต่คนขี่ท่าทางจะไม่รอดครับ สำหรับถนนเมืองไทยในระยะทาง 500 กิโลรวดเดียว
ชมมาตั้งมากมาย แล้วมันมีอะไรที่ขัดใจกันบ้าง
ตามสไตล์ของเรา ที่เอารถของเค้ามาขี่ ใช่ว่าจะมีแต่ชมด้านเดียว ถ้าหากมีสิ่งไหนขัดใจ ก็ต้องบอกกล่าวกันไว้ด้วย เพราะสารพัดสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อความปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ทั้งสิ้น ซึ่งคอมเม้นท์ของผู้ทดสอบแต่ละคน อาจแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์และความถนัดของแต่ละบุคคล ซึ่งก็ใช่ว่าจะติอย่างเดียว แต่เรามีวิธีแก้ไขไว้ให้ด้วยครับ
1. กระเป๋าใบใหญ่เทอะทะ เกะกะหรือปล่าว
อันนี้ต้องตอบว่าใช่ ในกรณีที่คุณกำลังฝ่าดงรถติดในเมืองออกไปสู่ท้องทุ่งชนบทครับ ดีไซน์ของกระเป๋าทรงโล้นเลี่ยนกลมๆมนๆ แค่มีอะไรไปกระทบกระแทก คงเกิดรอยขูดขีดให้เพื่อนล้อได้อย่างชัดเจน เวลาขับขี่แรกๆ ทุกคนจะกะประมาณระยะความกว้างของตัวรถรวมกระเป๋าไม่ถูก เพราะเราไม่มีตามองด้านหลัง วิธีที่ง่ายที่สุด ก็คือการใช้หางตาเหลือบมองระยะปลายสุดของแฮนเดิ้ลบาร์ทั้งสองข้างครับ เพราะความกว้างของกระเป๋าในขณะที่ติดตั้งบนตัวรถ จะอยู่ในระยะของความกว้างของแฮนเดิ้ลบาร์พอดี และในขณะที่ขับขี่ผ่านระหว่างการจราจรติดขัด ขอแนะนำให้พยายามตั้งรถให้ตรงที่สุด วงเลี้ยวของตัวรถจะกว้างกว่าการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ทั่วไป เพราะต้องเผื่อระยะความกว้างของกระเป๋า ดังนั้นจึงต้องเพิ่มระยะวงพื้นที่ว่างในการเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนให้มากกว่าการขับขี่ปกติ แล้วคุณจะรู้สึกชินในไม่ช้า
2. แผ่นใสบังลมด้านหน้า ดันกระแสลมขึ้นจนหมด
แทบไม่มีลมเย็นๆผ่านมากระทบตัวผู้ขับขี่ให้คลายความร้อนได้เลย อันนี้ก็ต้องแก้ที่อุปกรณ์ครับ เพียงแค่เปลี่ยนไปใช้ชุดแต่งกายขับขี่ที่เป็นแบบให้ลมผ่านได้ แต่ไม่แนะนำให้เปิดซิปของตัวเสื้อรับลมจนสุด เพราะจะทำให้อุปกรณ์ป้องกันบนตัวเสื้อเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งที่มันควรจะอยู่ กรณีฉุกเฉินขึ้นมา อันตรายครับ
3. รถหนักมากมาย เวลาเข็นถอยหลังเก้งก้างไปหมด
อันนี้โทษใครไม่ได้ เพราะอยู่ที่สรีระตัวเราเองและการฝึกฝนครับ เพราะมันถูกออกแบบมาสนองนี๊ดชาวฝรั่งตัวใหญ่ขายาวเป็นหลัก การขึ้นนั่งคร่อมแล้วพยายามใช้ปลายเท้าจิกดันรถถอยหลังยังเป็นเรื่องลำบากสำหรับชายไทยสูง 175 ซม.อย่างผม วิธีที่ดีที่สุดคือการเข็นถอยหลังด้วยการลงจากตัวรถแล้วเข็นสองมือด้านข้างครับ แต่ถ้า BMW ให้อ๊อฟชั่นเกียร์ถอยหลังมาด้วยเหมือนในตัว LT ล่ะก็ ตัดสินใจง่ายเลยครับ
4. จะยกขึ้นขาตั้งคู่ไหวรึปล่าว ?
อันนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้วิธีที่ถูกต้องและการฝึกการถ่ายเทน้ำหนักครับ เพราะถ้าท่าถูก การทิ้งน้ำหนักกดขาตั้งถูก มันไม่ยากเลยครับ แต่ถ้า BMW จะใส่ระบบไฮโดรลิคยกขาตั้งคู่เหมือนในตัว LT อีกซักชิ้น ก็แจ่มเช่นกัน
5. ระบบแอโร่ไดนามิคส์ของตัวรถดูจะมีปัญหาในกรณีที่คุณมีคนซ้อนตัวเล็ก
โดยที่ไม่มีกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ด้านหลังไว้ช่วยประคองกระแสลมที่ถูกดันผ่านแผ่นบังลมหน้ารถแล้วม้วนกลับด้านหลัง ซึ่งถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่ๆด้านหลังคอยประคองกระแสลมให้เลยผ่านไป จะทำให้ผู้ซ้อนท้ายไม่ต้องคอยนั่งเกร็งคอและหลังสู้กับความปั่นป่วนของกระแสลม วิธีแก้ ก็คงไม่ยาก แค่เสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อกระเป๋ามาใส่ อย่างน้อยมันก็จะเป็นตัวช่วยประคองหลังคนซ้อนเพื่อนพนักพิงเวลาขับขี่ทางไกล เป็นเวลานานๆติดต่อกัน
แล้วมันต่างกับการขี่รถค่ายอื่นตรงไหน
สารพันเทคโนโลยีที่กระหน่ำใส่ในตัวรถของ BMW รวมไปถึงเครื่องยนต์ลูกที่ดีที่สุดของ BMW มันทำให้ผู้ใช้รถค่ายนี้รู้สึกความฮึกเหิมในศักยภาพของเทคโนโลยีที่ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าค่ายรถญี่ปุ่น แต่มีดีมากกว่าตรงคุณค่าในตัวรถและแบรนด์ BMW และในปี 2006 รถ BMW K1200GT นี้ ยังได้รับการโหวตให้เป็น Best Sport-touring Bike for 2006 จากนิตยสาร Cycle World ซึ่งเป็นนิตยสารที่ทรงอิทธิพลอย่างสูงต่อมวลหมู่นักเล่นรถทั่วรถ บททดสอบของนักทดสอบในนิตยสารเล่มนี้ ได้รับการยอมรับในวงกว้างทั่วโลก ดีก็ชม ด้อยก็ติติง เพื่อให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่เที่ยงตรงที่สุด โดยมีการจับเอาไปเปรียบเทียบกับคู่แข่งต่างค่ายในรูปแบบเดียวกัน นั่นคือ Yamaha FJR1300 ซึ่งถ้าคุณเป็นคนที่เคยขับรถยนต์ท่องเที่ยวมาก่อน ย่อมรู้อยู่ในใจว่า ถ้าคุณต้องขี่มอเตอร์ไซค์สำหรับท่องเที่ยวแล้วล่ะก็ จะมีฟังก์ชั่นอะไรบ้างในรถยนต์ที่คุณต้องการให้มีบนรถมอเตอร์ไซค์ และสิ่งที่คุณคิดนั้น มันมีให้ครบใน BMW K1200GT ยกเว้นอย่างเดียวคือ เกียร์ถอยหลัง !
หน้าถัดไป >> ข้อมูลทางเทคนิค
|